Godzilla vs Kong อดีตคู่ปรับที่มีการเวียนมาปะทะกันอีกครั้ง

Godzilla vs Kong อดีตคู่ปรับที่มีการเวียนมาปะทะกันอีกครั้ง


เรื่องของเรื่องก็คือ แรกเริ่มเดิมทีในช่วงยุต 50 วิลลิส โอไบรอัน ผู้ให้กำเนิด คิงคอง หวังจะทำหนังแก้มือที่ Mighty Joe Young ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรด้วยโปรเจคท์ King Kong meets Frankenstein ที่เจ้าตัวหลังนี่ไม่ใช่ชีวิตที่เกิดจากชิ้นส่วนมนุษย์อย่างในนิยาย หรือหนังจากนิยายของ แมรี่ เชลลี่ อย่างที่เราคุ้นเคย แต่เป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่เกิดจากชิ้นส่วนสัตว์หลายชนิดมาประกอบกัน

 แต่โปรเจคท์ก็ไม่คืบหน้าเริ่มจากที่บริษัท RKO ที่เป็นผู้สร้างหนังคิงคองต้นฉบับไปจนถึงบริษัทยูนิเวอร์แซล(ที่ถูกเข้าใจว่าเป็นผู้ถือสิทธิ์ตัวละครแฟรงเกนสไตน์ ) ระหว่างนี้หนังก็ถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็น King Kong vs. The Ginko

จนถึงยุค 60 โปรเจคท์นี้ก็มาถึงมือโปรดิวเซอร์ชื่อ จอห์น เบ็ค หนังถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น  King Kong vs. Prometheus(ชื่อหลังนี่เป็นชื่อดั้งเดิมของตัวสัตว์ประหลาดของแฟรงเกนสไตน์ในนิยายของแมรี่ เชลลี่ The New Prometheus) เบ็คส่งเค้าโครงเรื่องให้จอร์จ เยทส์ไปเขียนเป็นบทหนังขึ้นมา เบ็คเห็นว่าหากสร้างด้วยเทคนิคสต็อป-โมชั่นแบบที่ โอ’ไบรอันถนัดจะแพงและช้ามากเกินไป เขาเห็นว่าเทคนิค”ชุดยาง”ของโตโฮน่าจะเหมาะกว่า  เลยเอาไปเสนอทางโตโฮ  แต่โตโฮไม่สนเรื่องสัตว์ประหลาดแฟรงเกนสไตน์ แต่มองว่าน่าจะเอาคิงคองมาสู้กับก็อตซิล่า สัตว์ประหลาดของตัวเอง ที่ไม่ได้ขึ้นจอมา 7 ปีแล้วดีกว่า และเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในหนังฉลองอายุ 30 ปีของบริษัทอีกด้วย จึงซิ้อสิทธิ์จากเบ็คแต่เขียนบทขึ้นใหม่โดยฝีมือของ ชินอิจิ เซคิซาว่า

งานนี้โตโฮเรียกตัว อิชิโร่ ฮอนดะ ผู้กำกับก็อตซิล่าภาคแรกมากำกับสมทบด้วยอากิระ ฟูคุเบะ ผู้ทำดนตรีประกอบคนเดิม และเอย์จิ สึบุราญ่าผู้ทำเทคนิคพิเศษดั้งเดืมมาทำเทคนิคพิเศษเหมือนเดิม เรียกว่าจัด”ดรีมทีม”ก็อตซิล่ากันมาเลยทีเดียว สึบุราญ่าผู้หลงใหลคิงคองมาตั้งแต่ได้ดูหนังฉบับดั้งเดิม(1933)ถึงขั้นทิ้งงานที่กำลังสร้างอยู่เพื่อมารับงานนี้เลยทีเดียว

แม้ฮอนดะยังอยากจะทำหนังสัตว์ประหลาดที่มืดมนเหมือนสองภาคแรกของก็อตซิล่า แต่ก็ไม่อาจคัดง้างแนวทางที่โตโฮกับสึบุราญ่าเลือกคือให้หนังสดใสและเป็นมิตรกับเด็กๆมากขึ้น(จึงมีฉากอย่างก็อตซิล่าและคิงคองดวล”วอลเลย์บอล”กัน) ที่สำคัญหนังภาคนี้ถูกถ่ายทำออกมาเป็นหนังก็อตซิล่า “สี”เรื่องแรก

การเป็นหนังสีนี้สร้างปัญหาหนึ่งให้เมื่อนำหนังไปฉายที่อเมริกา เพราะเมื่อ 2 ภาคก่อนออกฉายที่อเมริกา โปสเตอร์หนังให้สีก็อตซิล่าเป็นสีเขียว และหนังก็เป็นขาวดำ เลยไม่มีใครสงสัย แต่พอเป็นหนังสี ก็อตซิล่ากลับเป็นสีเทา งานนี้ต้องแก้ความเข้าใจผิดกันไปอีกหลายปีว่าก็อตนั้นสีเทาไม่ใช่เขียว(ส่วนทำไมฝรั่งถึงเลือกสีเขียวก็ไม่รู้เหมือนกันครับ)

เพราะห่างหายไปถึง 7 ปีชุดก็อตซิล่าจึงต้องทำกันใหม่ หน้าจะใหญ่ขึ้น เอาเขี้ยวและหูเล็กๆออกไป ชุดก็หนาหนักใหญ่ขึ้น เท้าก็อตซิล่าเปลี่ยนเป็น 3นิ้วแทนที่จะมี 4 นิ้ว ครีบหลังก็ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ก็มีการสร้างส่วนที่บังคับแยกของครึ่งตัวบนของก็อตซิล่าเพื่อใช้ในฉากปล่อยแสง และหางไว้ใช้ในการฟาดหางอีกด้วย

ส่วนคิงคอง ก็แก้ไขกันหลายรอบกว่าจะได้อย่างที่เห็น หัวนั้นใช้แบบจากลิงญี่ปุ่นเพราะ RKO ระบุมาในสัญญาว่าต้องไม่เหมือนคิงคองต้นตำรับ มีแขนสองแบบ แบบยาวกว่าปรกติเพิ่อใช้ถ่ายไกลให้ความรู้สึกคล้ายกอริลล่า กับแขนแบบยาวปรกติเพื่อใช้เมื่อต้องใช้มือหยิบจับเช่นตอนต่อสู้กับก็อตซิล่า มีหุ่นขนาด 1 เมตรไว้ถ่ายโคลสอัพ และมือยักษ์ไว้ใช้ถ่ายฉากจับคน

นอกจากนี้ยังมีหมึกยักษ์ที่ใช้ในฉากเปิดตัวคิงคอง ที่งานนี้ใช้หมึกจริง+หมู่บ้านจำลอง ที่ต้องโดนเป่าลมร้อนระหว่างถ่ายทำ ที่จบงานสามตัวก็เอาไปปล่อย แต่หนึ่งตัวได้กลายเป็นหมึกย่างมื้อเย็นของสึบุราญ่าแบบไม่เสียเปล่า(ถ้าเป็นสมัยนี้โดนพีต้าประท้วงแล้ว) แล้วก็มีหุ่นยางของปลาหมึกยักษ์อีกสองตัว กับชิ้นส่วนหนวดไว้ทำสต็อป-โมชั่นด้วย

ในส่วนของสูทแอ็คเตอร์ ฮารุโอะ นากาจิม่า กลับมาสวมชุดก็อตซิล่า พบกับ โชอิจิ ฮิโรเสะ ที่มาสวมชุดคิงคอง สึบุราญ่าปล่อยให้ทั้งคู่ตัดสินใจกันเองเรื่องการเคลื่อนไหวและการต่อสู้ ทำให้ทั้งคู่ต้องซ้อมคิวบู๊กันวันละหลายชั่วโมง โดยทั้งคู่เลือกให้การต่อสู้ของสองสัตว์ยักษ์ออกมาแบบมวยปล้ำที่กำลังนิยมกันในญี่ปุ่นขณะนั้น

ตอนแรกหนังคิดจะไปถ่ายทำกันถึงศรีลังกา และใช้สต็อป-โมชั่นทำเอฟเฟคท์ แต่เมื่อต้องจ่ายค่าสิทธิ์ให้ RKO กว่า 200,000เหรียญ หนังก็ถูกตัดงบ จึงต้องถ่ายทำกันในญี่ปุ่น และใช้เทคนิคชุดยางเป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม

พล็อทเรื่องก็ไม่มีอะไรมากก็อตซิล่าหลุดจากภูเขาน้ำแข็งที่ขังมันไว้ในตอนจบของภาคที่แล้วก็จมเรือดำน้ำบุกสถานีสำรวจ ก่อนมุ่งหน้ามาถล่มญี่ปุ่น  ประจวบเหมาะกับที่บริษัทยาญี่ปุ่นเดินทางไปหาสมุนไพรที่เกาะฟาโร แล้วเจอคิงคองที่ออกมาช่วยชาวบ้านจากการโจมตีของปลาหมึกยักษ์ หลังเสร็จศึกคิงคองกินเหล้าผลไม้ของชาวบ้านจนเมาหลับไป ทีมสำรวจของบริษัทยาจึงจับคิงคองกลับมาเพื่อเปิดแสดงโชว์  ในขณะที่ก็อตซิล่ากำลังอาละวาดไปทั่วญี่ปุ่น คิงคองที่หลุดจากการถูกจองจำ เลยมีการประลองกำลังกันขึ้น ยกแรกคิงคองพ่าย แต่ในยกสองจบลงด้วยการตกลงไปในทะเลทั้งคู่ ก่อนที่คิงคองจะโผล่ขึ้นมาแล้วว่ายน้ำมุ่งหน้าไปหาดวงอาทิตย์ โดยไร้วี่แววก็อตซิล่า

ฉากจบนี้ยังมีคำร่ำลือว่าจริงๆมี 2 แบบ แบบญี่ปุ่นก็อตซิล่าจะชนะ แบบอเมริกาคองชนะ แต่จริงๆมีแบบเดียวนะครับ ถึงว่าหนังฉบับที่ฉายในอเมริกาและญี่ปุ่นจะมีจุดแตกต่างกันอยู่หลายจุดก็เถอะ

เสริมนิดครับ โตโฮวางบทให้คิงคองเป็นพระเอกมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีแล้วนะครับ และในตอนนั้นก็อตซิล่ายังไม่อยู่ในฐานะผู้ปกป้องโลกอย่างในช่วงหลังนะครับ

หนังที่ฉายในอเมริกามีการตัดต่อใหม่เพิ่มนักแสดงอเมริกันเป็นผู้รายงานเหตุการณ์ของสหประชาชาติ และนักวิทยาศาสตร์ที่อธิบายที่มาของก็อตซิล่าและแรงจูงใจของสัตว์ยักษ์ทั้งสองให้มาสู้กัน

สุดท้ายเมื่อหนังเข้าฉายในญี่ปุ่น ในวันที่ 11สิงหาคม 1962 หนังภาคนี้ก็กลายเป็นหนังก็อตซิล่าที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในบรรดาหนังก็อตซิล่าที่เข้าฉายทั้งหมด เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยยอดขายตั๋วในการฉายครั้งแรกถึง 11.6ล้านใบ(ก่อนจะเพิ่มเป็น 12.6ล้านใบจากการนำมาฉายใหม่ในเวลาต่อมา) บ้านเราหนังเรื่องนี้เคยฉายทางทีวีช่วงที่บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดีย ซื้อหนังก็อตซิล่าทั้งหลาย(เว้นสองภาคแรกที่เป็นขาวดำอันนี้เป็นสิทธิ์ของไทก้า) มาออกวีดีโอเพื่อสร้างกระแสก่อนที่จะเอาGodzilla vs. Destroyer เข้าฉายในโรงปิดท้าย


การชำระเงินผ่าน อินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง

(เสียค่าบริการ Vat 7%)

powerupmag

การชำระเงินผ่าน เคาน์เตอร์เซอร์วิส

(เสียค่าบริการ Vat 7%)

powerupmag

ช่องทางขนส่งสินค้า

จัดส่งสินค้าภายใน 3-7 วันทำการ

powerupmag
Copyright © 2018 All rights reserved. | powerupmag.com