History of BOBA FETT 

History of BOBA FETT 


History of BOBA FETT 

 

นักล่าค่าหัวฝีมือดี และตัวร้ายสุดเท่แห่งจักรวาลสตาร์วอส์  ที่มีของเล่นและสินค้าลิขสิทธิ์ขายดีกว่าตัวละครที่มีบทเด่นอย่าง แลนโด คาลริสเซียน เสียอีก แม้บางคนจะว่าเป็นตัวร้ายที่ออกมาแบบท่าดี(ใน Ep.V) แต่ทีเหลว(ใน Ep.VI)  แล้ว แต่ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า โบบา เฟ็ตต์ ก็เป็นหนึ่งในแคแรกเตอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของจักรวาลสตาร์วอส์ โดยเฉพาะเมื่อเขากลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในซีรีย์ The Mandolorian ก็สร้างความฮือฮากับเหล่าแฟน ๆ ได้เป็นอย่างมาก และเพื่อเป็นการต้อนรับ Spin off series “The Book of Boba Fett” ที่กำลังจะลงจอ Disney’s + ในเร็ว ๆ นี้ เรามาทำความรู้จัก โบบา เพิ่มเติมกันสักนิดดีกว่า 

 

ปรากฏในแอนิเมชัน 

 

นอกจากในภาพยนตร์แล้ว โบบา เฟ็ตต์ ยังเคยปรากฏตัวในแอนิเมชันซีรีย์ STAR WARS : DROIDS ตอน "A Race to the Finish"  ตั้งแต่ปี 1985 อีกด้วย ซึ่งในแอนิเมชันนี้ชุดเกราะของโบบานั้นมีสีที่แตกต่างออกไปจากชุดเกราะในภาพยนตร์ และเมื่อพูดถึงสีที่แตกต่างแล้ว ชุดเกราะของ โบบา เฟ็ตต์ยังมีชุดเกราะสีขาวที่ถือเป็นชุดโปรโตไทป์อีกด้วย โดยชุดนี้ตั้งใจออกแบบเป็นชุดใหม่ของสตรอมทรูปเปอร์ในทีแรก(ก็เลยสีขาว)  แต่ด้วยข้อจำกัดในการบริหารงบประมาณ ทำให้สุดท้ายเจ้าชุดนี้เลยกลายเป็นชุดเกราะแมนดาลอร์แทนอันเลื่องชื่อไปแทน 

 

ลูกหลานแห่งแมนดาลอเรียน 

 

โบบา เฟ็ตต์ เป็นหนึ่งในร่างโคลนของ แจงโก เฟตต์ ที่ถูกสร้างขึ้นที่ดาวคามิโน แต่โบบานั้นไม่ผ่านกระบวนการเร่งการเจริญเติบโตตามแผนแบบของโคลนทั่วไป ซึ่งนอกจากการเลี้ยงดูเสมือนหนึ่งเป็นลูกชายแท้ๆแล้ว แจงโกยังสอนให้โบบามีทักษะของนักล่าเงินรางวัลอย่างครบถ้วน ไม่ว่าฝีมือในการต่อสู้ สะกดรอย ขับยาน ฯลฯ  

แต่คำถามนึงที่อยู่ในใจแฟนๆมาตลอดก็คือ เขาแค่เป็นนักล่าที่สวมชุดเกราะแมนดาลอร์ หรือเป็นลูกหลานที่แท้จริงของชนเผ่านักรบนี้กันแน่?  โดยข้อมูลในช่วงแรก ๆ มักจะออกมาในทำนองว่าเขาไม่ใช่ชาวแมนดาลอร์ (อาจเป็นเพราะฉากตายใน Ep.VI ที่ดูตายแบบโง่ ๆ ไปหน่อย) แต่ข้อมูลล่าสุดนั้นได้บ่งชี้ว่า แจงโก นั้นเป็นชาวแมนดาลอร์จริง ๆ แต่เพราะเขาเลือกวิถีแห่งการเป็นนักล่าค่าหัว จึงทำให้ไม่มีใครอยากนับญาติด้วย โดยเฉพาะพวกหัวเก่า แต่จากข้อมูลนี้ก็ต้องถือว่า โบบา เฟตต์ นั้นมีสายเลือดของแมนดาลอร์ไหลเวียนอยู่ในตัวเต็ม ๆ 

 

 

แสบมาตั้งแต่เล็ก 

 

ทุกคนคงจำจุดจบของ แจงโก เฟตต์ ได้แม่นยำว่าเขาพลาดท่าถูกอาจารย์เจได เมซ วินดู ใช้ไลท์เซเบอร์ตัดคอในศึกที่จีโอโนซิส ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้ โบบา เฟ็ตต์ เจ็บแค้นอาจารย์วินดู และพวกเจไดเป็นอย่างมาก ครั้งนึงระหว่างสงครามโคลน โบบาได้อาศัยความเหมือนกับทหารโคลนวัยเด็กที่เป็นนักเรียนฝึกหัด แฝงตัวขึ้นไปบนยานอวกาศของพวกเจได และวางแผนสังหารอาจารย์วินดู และแม้แผนครั้งนั้นจะไม่สำเร็จ แต่เขา(ภายใต้ความช่วยเหลือจาก ออรา ซิงค์ และ บอสค์)ก็ทำลายยานอวกาศของเจไดลงได้ และเกือบทำให้อาจารย์วินดู และสกายวอร์คเกอร์ต้องสิ้นชื่อ 

 

ผลงานชิ้นโบว์แดง  

 

หลังจากหลบหนีมาจากการจองจำได้ โบบา เฟ็ตต์ ก็เข้าสู่วิถีของนักล่าค่าหัวเต็มตัว และด้วยฝีมือ ไหวพริบ และความโหด ก็ทำให้เขาไต่ขึ้นมาสู่แถวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และหนึ่งในลูกค้าประจำของเขาก็คือ แจ็บบา เดอะฮัตท์  ซึ่งมีความแค้นสุมอกกับ ฮาน โซโล มากมาย ดังนั้นค่าหัวของฮานจึงยั่วใจนักล่าจากทั่วทั้งจักรวาล แต่ด้วยความชาญฉลาดและรอบคอบ ในที่สุด โบบา เฟ็ตต์ ก็สามารถแกะรอย ฮาน โซโล และนำไปสู่การทรยศที่เบสพินของแลนโค  จนทำให้ โบบา เฟ็ตต์ ได้ตัวฮานในแท่งคาร์บอนไนซ์แช่แข็งไปส่งให้แจ็บบ้า รับเงินเนาะ ๆ มา ขณะที่ฝั่งเวเดอร์เองก็ใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้ล่อลุคให้มาติดกับ เรียกได้ว่า 2 วายร้ายนี้ win – win กันทั้งคู่ 

 

IG-88 ศัตรูคู่อาฆาต 

 

แม้ใน The Empire Strike Back เราจะเห็นนักล่าเงินรางวัลหลายคนยืนเสนอหน้าอยู่บนสะพานเดินเรือของจักรวรรดิ แต่ส่วนมากก็จะมีบทแค่นั้น แต่ในคอมิก (ซึ่งบางส่วนได้กลายเป็น legend ไปแล้ว) เราจะเห็นภาคต่อขยายมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของโบบา กับ เดนการ์ ที่ค่อนข้างเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน แต่กับเจ้าดรอยด์อย่าง IG-88 นั้นกลับตรงกันข้าม (น่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งมาถึงในซีรีย์เดอะแมนดาลอเรียนซึ่งเป็นแคนนอน ที่แมนโด้กับ IG-11 ก็ไม่ค่อยถูกกันด้วย) และจุดพีคสุดของความบาดหมางนี้ก็คือ การที่เจ้า IG-88 ได้ลอบโจมตียานสเลฟวันของโบบา เพื่อจะชิงตัวฮานไป แต่ท้ายสุดมันเองก็กลับต้องกลายเป็นขยะอวกาศไปในที่สุด ซึ่งเรื่องราวจากคอมิกนี้โด่งดังจนทางฮาสโบรได้ออกของเล่นแอ็คชันฟิกเกอร์แพ็คคู่ของทั้งคู่มาเมื่อช่วงยุค ’90 s ด้วย 

 

หมดสภาพ? 

 

คนเราเก่งแค่ไหนมันก็มีวันดวงแตกได้เหมือนกัน โบบา เฟตต์ เองก็ไม่อาจหลีกหนีสัจธรรมนี้ไปได้  ในวันที่ ลุค สกายวอร์คเกอร์ บุกมาช่วยฮานโซโล แม้เขาจะรับมือกับว่าที่เจไดหนุ่มได้อย่างสูสี แต่กลับถูกฮานที่มองไม่เห็นเพราะอาการตาบอดชั่วคราว กระแทกแบ็กแพ็คไอพ่นจนกระเด็นไปชนกับเรือสำราญของแจ๊บบ้าและกลิ้งตกไปเข้าปากเจ้าซาแลคในที่สุด  แต่จะด้วยความเท่ กระแสเรียกร้องจากแฟนๆ หรือความเก่งกาจก็ตาม โบบาก็สามารถเอาตัวรอดออกมาจากกระเพาะของเจ้าซาแลคได้ บางกระแสก็ว่าเขารวมตัวกับเหล่าเหยื่อในท้องของซาแลคและใช้เจ็ตแพ็คเป็นตัวจุดระเบิดจนท้องของมันเป็นรูจนหนีออกมาจากหลุมคากูนได้ในสุด แต่บางกระแสก็ว่าเป็นเพราะตัวชุดเกราะแมนดาลอร์ที่ทำจากโลหะเบสคาร์บริสุทธิ์นั้นทั้งไม่ถูกปากและระคายต่อกระเพาะเจ้าซาแลค มันจึงขย้อนและบ้วนเขาทิ้งออกมาในที่สุด แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร การปรากฏตัวของเขาในซีรีย์ The Mandalorian ก็เป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเขานั้นรอดออกมาจากท้องเจ้าซาแลคได้ 

 

โบบาตัวปลอม 

 

ด้วยความดัง โบบา เฟ็ต จึงมีคอมิกออกมาหลายตอน แต่คอมิกตอนนึงที่อาจเรียกได้ว่าดังและเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ ที่สุดก็คือ Twin Engine of Destruction ซึ่งเป็นเรื่องของนักล่าเงินรางวัลที่ชื่อ โจโด คาสท์ (Jodo Kast) ที่พยายามสวมรอยเป็น โบบา เฟ็ตต์ ในช่วงที่เขาติดธุระสำคัญอยู่ในท้องของตัวซาแลค ซึ่งแม้โจโดจะสวมชุดเกราะแมนดาลอร์และเคยเป็นสมาชิกของ Alliance SpecOps แต่เขานั้นไม่ใช่แมนดาลอเรียน และยังมีมีฝีมือห่างไกลจากโบบา เฟ็ตต์ ทำให้หลังจากโบบา เฟตต์ หนีออกมาจากท้องของตัวซาแลคได้ และพักฟื้นร่างกายจนแข็งแรงในระดับนึง ก็ถึงเวลาที่เขาจะออกล่าตัวปลอมที่ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงเสียที โดยเลือกสถานที่เผด็จศึกเป็นดาว Nal Hutta และโบบา เฟ็ตต์ ก็จัดการกับโจโดได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เขายอมไว้ชีวิตโจโด โดยการไม่สังหารพ่อตัวปลอมด้วยมือตัวเอง แต่ให้โจโดตายด้วยการระเบิดของเจ็ตแพ็ค (นัยว่านายไม่คู่ควรตายด้วยมือฉัน อะไรทำนองนี้) แต่คอมิกตอนนี้น่าจะถือเป็น legend ไปแล้ว เนื่องจากในการจ่อสู้กับโจโดนั้น โบบา  เฟตต์ มาพร้อมกับชุดและเจ็ตแพ็ค แต่ใน The Mandolorian นั้น เขาต้องออกตามหาชุดของเขาที่ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่กับคนอื่น 

 

การกลับมาของนักล่าหมายเลข 1 

 

 

 หลังการปรากฏตัวของ โบบา เฟตต์ ในซีรีย์ The Mandolorian และหนังตัวอย่างที่ทาง Disney’s ปล่อยออกมา เราค่อนข้างมั่นใจว่าใน The Book of Baba Fett เราจะได้เห็นเขากลับมาทวงความเป็นนักล่าหมายเลข 1 และช่วงชิงบัลลังค์แห่งโลกใต้ดินที่เคยเป็นของตระกูลฮัตท์มาก่อน แต่เขาจะต้องต่อสู้ฟาดฟันกับใครบ้าง รอรับชมพร้อมกันทาง Disney’s + 29 ธันวาคม นี้ครับ 

 


การชำระเงินผ่าน อินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง

(เสียค่าบริการ Vat 7%)

powerupmag

การชำระเงินผ่าน เคาน์เตอร์เซอร์วิส

(เสียค่าบริการ Vat 7%)

powerupmag

ช่องทางขนส่งสินค้า

จัดส่งสินค้าภายใน 3-7 วันทำการ

powerupmag
Copyright © 2018 All rights reserved. | powerupmag.com