Comic Freak Spider-Man :One More Day

Comic Freak Spider-Man :One More Day


Spider-Man :One More Day เป็นบทหนึ่งในชีวิตที่ผกผันของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ผู้เป็นที่รักของเรา เรื่องชุดนี้ยาวแค่ 4 เล่ม เรื่องโดย JMS คนเขียนประจำของ Amazing Spider-Man และวาดโดย โจ เควสสาดา บรรณาธิการใหญ่ของมาร์เวลในขณะนั้น  

ชีวิตของปีเตอร์ดิ่งลงเหวตั้งแต่ เขายอมทำตามคำชักชวนของโทนี่ สตาร์ค หรือ ไออ้อนแมน เพื่อนฮีโร่ อีกหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม นิวอเวนเจอร์ ที่ปีเตอร์สังกัดอยู่ เมื่อปีเตอร์ผ่านการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับมอร์ลัน โทนี่ยังผลิตชุดสไปเดอร์-แมนแบบไฮเทค ที่เรียกว่า “ไออ้อนสไปเดอร์” ให้เขาเป็นของขวัญ  ในสายตาของโลกภายนอก ปีเตอร์ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของโทนี่ ตัวปีเตอร์เองยังเคยออกปากเลยว่า เขามองโทนี่เหมือนเป็นพ่อเลยทีเดียว 

ในระหว่าง Civil War โทนี่ที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนกฎหมายขึ้นทะเบียนผู้มีพลังพิเศษ เกลี้ยกล่อมให้ปีเตอร์ร่วมสนับสนุน และเปิดเผยตัวจริงของเขาต่อสาธารณะ เพื่อกระตุ้นฮีโร่คนอื่นๆให้เข้าร่วม แต่ต่อมาปีเตอร์พบเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ไม่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนอีกต่อไป แต่สถานะของเขานั้นแตกต่างจากผู้ต่อต้านคนอื่น เพราะเขาเปิดเผยตัวเสียแล้ว แถมเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนเสียด้วย ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นสไปเดอร์-แมน แถมศัตรูก็เยอะ การเป็นสไปเดอร์-แมนของเขานำภัยมาสู่ตัวเองและคนที่เขารัก ป้าเมย์ และแมรี่ เจน 

 

 

ในช่วงท้ายของ Civil War ปีเตอร์นำป้าเมย์ และแมรี่ เจนไปหลบซ่อน ทั้งการตามล่าของรัฐบาล(ในฐานะผู้ต่อต้านกฎหมาย) และเหล่าร้าย ศัตรูเก่าของเขา งานการก็ทำไม่ได้ ไม่มีใครรับเพราะกลัวโดนลูกหลง และอาจจะถูกจับ แมรี่ เจนก็ทำงานไม่ได้ เพราะอาจเป็นอันตราย ชีวิตของปีเตอร์ ดูจะไม่มีทางเดินแล้ว และที่แย่ที่สุดคือในขณะที่เขาเข้าร่วมต่อสู้ใน Civil War วิลสัน ฟิสก์ หรือคิงพิน ศัตรูเก่าของเขาที่แม้จะอยู่ในคุก แต่ลูกสมุนของเขาก็ยังอยู่ และสามารถค้นหาแมรี่ เจน และป้าเมย์จนพบ คำสั่งจากคิงพิน ก็คือ ไปซุ่มยิงปีเตอร์ถ้าเขารอดมาจากการต่อสู้ได้ แต่ถ้าเขาไม่รอดมาก็ให้เก็บทั้งแมรี่ เจน และป้าเมย์ซะ เพราะทั้งคู่คงหมดหวังไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ปีเตอร์รอดมาได้และเมื่อเขากำลังคุยกับแมรี่ เจน มือปืนเตรียมจะยิงเขา สัมผัสแมงมุมหรือบางอย่างเตือนเขา เขาพาแมรี่ เจนโดดหลบกระสุน กระสุนนัดนั้นไปโดนป้าเมย์แทน 

ปีเตอร์ต้องรีบพาป้าเมย์เข้าโรงพยาบาล แต่เพราะเขาเป็นผู้หลบหนี ทำให้ต้องใช้ชื่อปลอม ไม่สามารถใช้สิทธิ์ต่างๆที่มี เช่นประกันสุขภาพได้ ความกดดันทำให้ปีเตอร์เลือกกลับไปใช้ชุดดำเพื่อสะท้อนความในใจของเขาความโดยละเอียดของเรื่องชุดนี้อยู่ในตอน Back in Black ครับ 

เมื่อเริ่มต้น One More Day ป้าเมย์นอนหมดสติอยู่ในโรงพยาบาล และปีเตอร์กำลังถูกกดดันถึงขีดสุด   โรงพยาบาลก็มาเร่งรัดให้เขาแสดงหลักฐานว่าเขามีปัญญาจ่ายค่ารักษาไม่งั้นต้องส่งไปอยู่แผนกคนไข้อนาถา ถึงแม้หมอที่รักษาป้าเมย์จะบอกว่าเขาจำได้ว่าปีเตอร์เป็นใคร และ สไปเดอร์-แมนเคยช่วยลุงเขาไว้ และเขาพยายามจะช่วยป้าเมย์เต็มที่ แต่เขาก็คงขัดระเบียบโรงพยาบาลไม่ได้  

ปีเตอร์ตัดสินใจไปหาคนที่รวยที่สุดที่เขารู้จัก โทนี่ สตาร์ค แม้นั่นจะหมายถึงความเสี่ยงที่จะทำให้เขาโดนจับ เพราะตอนนี้โทนี่ นอกจากจะเป็นไออ้อนแมนแล้ว เขายังเป็นผู้อำนวยการของ S.H.I.E.L.D. หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปีเตอร์เข้าต่อสู้กับไออ้อนแมนแบบตรงๆในสภาพของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ไม่ได้สวมชุดด้วยซ้ำ เขาต้องทุ่มเททุกอย่างกว่าจะหยุดโทนี่ จนทำให้ยอมฟังเขาได้ เขาเล่าเรื่องของป้าเมย์ให้โทนี่ฟัง และหวังให้โทนี่ช่วย แต่โทนี่ปฏิเสธ เขาบอกว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปีเตอร์เป็นผู้หลบหนีกฎหมาย การช่วยเหลือปีเตอร์ในขณะที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องมีการสืบย้อนกลับได้ และนั่นจะทำให้เขาถูกเล่นงานในฐานะทำผิดกฎหมาย โทนี่บอกว่าคราวนี้เขาจะปล่อยปีเตอร์ไปก่อน เพราะเห็นแก่ป้าเมย์  แต่คราวหน้าไม่มีทาง (เข้าใจแล้วว่าทำไมปีที่แล้ว ใครๆจึงชอบฉากที่ธอร์อัดไออ้อนแมน หลังจากที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ธอร์ตาย และเมื่อธอร์ฟื้นคืนชีพ ไออ้อนแมนก็โผล่มาเสนอให้เขาขึ้นทะเบียนซะ) 

แต่ในฉากต่อมาเราก็ได้เห็นว่าโทนี่นั้นไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับปีเตอร์และป้าเมย์หรอก เขาเองก็รู้จักป้าเมย์ เพราะตอนทีร่วมทีมนิวอเวนเจอร์กัน ป้าเมย์ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่สตาร์ค ทาวเวอร์ ทั้งคู่เลยได้รู้จักกัน เมื่อจาร์วิสคนรับใช้คนสนิทเข้ามาถามว่าโทนี่ต้องการอะไรไหม? โทนี่จึงบอกว่ามีอยู่อย่างหนึ่ง หลังจากนั้นเราจะได้เห็นแว่บหนึ่งว่าตอนนี้โทนี่ โดดเดี่ยวแค่ไหน 

ที่โรงพยาบาล ป้าเมย์ถูกย้ายไปอยู่แผนกอนาถา ปีเตอร์ก็หมดหวังที่ไม่อาจทำอะไรได้ จาร์วิสก็โผล่มาและบอกว่าเขายินดีจะออกค่าใช้จ่ายในการรักษา เมย์ มอร์แกน ญาติห่างๆของเขาเอง ด้วยเงินสะสม 2 ล้านเหรียญ ซึ่งคงเพียงพอ ปีเตอร์ยินดีที่ป้าเมย์จะได้รับการรักษาเป็นอย่างดี และคงหาย แต่หมอก็มาบอกเขาว่าป้าเมย์นั้นไม่มีทางรอดหรอก อายุขนาดนี้ โดนเข้าไปอย่างนี้ ถึงยังอยู่สมองก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ทุกอย่างที่ทำก็แค่เพื่อยื้อชีวิตเธอเอาไว้เท่านั้น ป้าเมย์อาจจะอยู่ได้อีกเพียงวัน หรือเพียงชั่วโมง ทุกสิ่งที่การแพทย์รู้จักช่วยให้ป้าเมย์รอดจากความตายไม่ได้หรอก แต่ปีเตอร์ไม่ยอมแพ้ เขาจะออกไปหาคนที่สร้างปาฏิหาริย์ได้ เหมือนที่เขาออกไปหาคนที่มีทุนไม่จำกัดให้มาช่วยออกค่ารักษาป้าเมย์นั่นเอง 

 

่  

คนที่สไปเดอร์-แมนไปหาก็คือ ดร. สเตรนจ์ จอมเวทสูงสุดแห่งจักรวาลมาร์เวลเพื่อนร่วมทีม นิวอเวนเจอร์ปัจจุบันนั่นเอง เขาหวังให้สเตรนจ์ช่วยสร้างปาฎิหารย์ให้ แต่สเตรนจ์บอกว่าไม่ใช่เวทมนตร์จะช่วยได้ทุกอย่าง บางเรื่องก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ (เช่นมือของเขา) ทุกชีวิตที่เกิดมาย่อมต้องตาย แต่เมื่อปีเตอร์อยากลองเขาก็จะลองดู 

สเตรนจ์ร่ายเวทส่งปีเตอร์ไปในมิติแห่งจิตให้เขาไปยังมิติต่างๆ แสวงหาความช่วยเหลือดู แต่ไม่มีใครช่วยเขาได้เลย ไม่ว่ามิตรและศัตรู เขากลับมาสู่โลกแห่งความจริง และเมื่อสเตรนจ์แยกไป สไปเดอร์-แมนก็ท่องคาถานั้นเอง เขาตั้งใจจะย้อนเวลากลับไปและแก้ไขเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง 

แต่เขาต้องพบกับความประหลาดใจ เขาไปยังช่วงเวลานั้นได้ แต่ร่างจิตของเขาทำอะไรไม่ได้ สัมผัสอะไรก็ไม่ได้  เขาไม่อาจเล่นงานมือปืนได้ จะเตือนเอ็ม  เจ กับป้าเมย์ก็ไม่ได้ เขาตัดสินใจจะไปเตือนตัวเอง เผื่อจะติดต่อกันได้ ดูเหมือนว่าตัวปีเตอร์ในช่วงเวลานั้นจะสัมผัสได้นิดๆ แต่ก็ไม่ชัดเจน ที่สุดเขาก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ แถมยังถูกไนท์วอล์คเกอร์เล่นงานจนบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ดร.สเตรนจ์ตามมาช่วยทัน สิ่งที่สเตรนจ์บอกเกี่ยวกับไนท์วอลค์เกอร์ว่าพวกนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่คอยเล่นงานพวกที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงชะตากรรม เว้นแต่บางคนที่มีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ นี่แหละคือประโยคที่สำคัญ 

เพราะอาการบาดเจ็บจากไนท์วอล์คเกอร์ ทำให้สไปเดอร์-แมนต้องถูกกักตัวไว้ สเตรนจ์พยายามเตือนสติสไปเดอร์-แมนว่าทุกคนล้วนต้องตาย เขาควรจะกลับไปอยู่เคียงข้างป้าเมย์ ถึงป้าเมย์จะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่เธอก็รับรู้ความรู้สึกของปีเตอร์ได้ และนี่น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ปีเตอร์ทำให้เธอได้ แต่นี่แหละคือสิ่งที่ปีเตอร์รับไม่ได้ เขารู้สึกว่าถ้าป้าเมย์ต้องตายเพราะรับกระสุนที่มุ่งจะฆ่าเขา มันเป็นความผิดของเขา ทั้งหมดนี้เกินกว่าที่เขาจะรับได้ เมื่ออกจากที่พักของสเตรนจ์ สไปเดอร์-แมนทบทวนคำพูดของสเตรนจ์ เขาตั้งใจจะไปอยู่กับป้าเมย์ แต่เขาพบเด็กผู้หญิงลึกลับที่บอกว่าเธอช่วยเขาได้! 

เธอให้ปีเตอร์ตามมา แต่ระหว่างทางเขาพลัดหลงกับเธอ เขาพยายามตามหาเธอ แต่พบชายอ้วนที่เป็นโปรแกรมเมอร์ และทำงานทดสอบเกมส์ สมัยเรียนเขาถูกกลั่นแกล้งตลอด เมื่อเติบโตขึ้นมา  เขาตัดสินใจจะตัดขาดตัวเองจากโลก เขาพอใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกของเกม โลกในจินตนาการที่ไม่โหดร้ายกับเขา เขาหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงแม้จะทำให้เขาไม่ไปถึงไหนก็ตาม 

ระหว่างนั้นมีชายในรถหรูผ่านมา เขาบอกปีเตอร์ว่า เขาเห็นคนที่ปีเตอร์ตามหา และยินดีจะพาปีเตอร์ไปหาเธอ 

ระหว่างทางในรถหรูที่มีทุกอย่าง ชายคนนั้นเล่าชีวิตของเขาให้ปีเตอร์ฟัง สมัยเรียนเขาถูกกลั่นแกล้งตลอด แต่เขามีสติปัญญา เขาทุ่มเทมันคิดค้นประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เขาเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุ 19 เขามีทุกสิ่งทุกอย่างที่เงินซื้อหาได้ แต่เขายินดีแลกทุกสิ่งทุกอย่าง กับผู้หญิงคนเดียวที่เขารักตั้งแต่เรียนไฮสคูล 

ชายคนนั้นส่งปีเตอร์ให้เดินเข้าตรอกไปหาเด็กคนนั้น แต่ในตรอกมีแต่หญิงสาว เธอก็คือเด็กคนนั้น เธอตั้งคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเรา ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างที่เราทำ หรือพูดอย่างที่เราพูด เธอให้เห็นภาพว่า ในเหตุการณ์ที่ปีเตอร์ถูกแมงมุมกัด มีเพื่อนเรียกปีเตอร์ เขาเดินย้อนกลับไป และไม่ถูกแมงมุมกัด  เขาก็จะไม่ได้เป็นสไปเดอร์-แมน และเฉลยว่าชายทั้งสองที่ปีเตอร์เจอคือปีเตอร์ในอีกความเป็นไปได้หนึ่งนั่นเอง คนหนึ่งเอาความโกรธจากการถูกข่มเหงใส่ตัวเอง เขากลายเป็นโปรแกมเมอร์ และหลบหนีออกจากโลกไปอยู่ในโลกในจินตนาการ  ส่วนอีกคนเอาความโกรธทุ่มเทสู่โลก เขาต้องการจะพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเขาดีแค่ไหน โลกทั้งโลกรับรู้ แต่ตัวเขาเองกลับไม่ยอมรับตัวเอง ก่อนที่เธอจะเผยตัวจริงว่าก็คือเมฟิสโต 

 

 

เมฟิสโตบอกว่าเขาช่วยป้าเมย์ได้ แต่ต้องมีสิ่งตอบแทน ปีเตอร์ถามว่าวิญญาณของเขาเหรอ? เมฟิสโตตอบว่าไอ้อย่างนั้นนะเขาเลิกทำไปนานแล้ว เพราะคนที่สละวิญญาณของตนเพื่อคนอื่น เมื่อต้องไปทนทรมานในนรก พวกนั้นจะรับมันอย่างกล้าหาญ เพราะรู้ว่าได้ช่วยคนอื่น  เขาต้องการอย่างอื่นที่มีค่ากว่า ซึ่งปีเตอร์ไม่ยอมรับปาก เขาต้องการปรึกษาแมรี่ เจนก่อน จึงได้รู้ว่าเมฟิสโตกำลังเจรจากับแมรี่ เจนเช่นกัน เงื่อนไขในการช่วยป้าเมย์ก็คือ ต้องแลกกับความรักของปีเตอร์ และแมรี่ เจน ทั้งคู่จะไม่ได้แต่งงานกัน พวกเขาจะไม่มีใครจำเรื่องนี้ได้ แต่ส่วนลึกในวิญญาณจะจดจำได้ และร่ำร้องหาสิ่งที่สูญเสียไป และนี่คือสิ่งที่เมฟิสโตต้องการ เสียงเรียกร้องจากวิญญาณเพื่อสิ่งที่สูญเสียไป โดยไม่มีวันที่ใครได้ยินนี่แหละ  ขอเพียงทั้งคู่ตอบตกลง โดยเมฟิสโตให้เวลาตัดสินใจอีก 1 วันพวกเขามีโอกาสมีชีวิตแบบนี้อีกเพียงแค่วันเดียว (One More Day) เที่ยงคืนวันรุ่งขึ้นพวกเขาต้องให้คำตอบ  

มันเป็นเรื่องยากที่ทั้งคู่จะตัดสินใจอะไรลงไป ถ้าพวกเขาปฏิเสธก็เท่ากับปล่อยให้เมย์ตาย ซึ่งปีเตอร์คงทนรับความรู้สึกผิดนั้นไปตลอดชีวิตไม่ได้ แต่ถ้าพวกเขารับ ก็เท่ากับทำลายทุกสิ่งที่พวกเขาต่อสู้เพื่อมันมาร่วมกันอย่างยาวนานตลอดมา แล้วมันก็ถึงเวลา เมฟิสโตมาทวงคำตอบ ปีเตอร์สงสัยว่าหากตกลงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมฟิสโตอธิบายว่าเขาจะทำให้ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน และป้าเมย์ยังแข็งแรงดี MJ แย้งว่านั่นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเพราะป้าเมย์ถูกยิงเพราะทุกคนรู้ว่าปีเตอร์เป็นสไปเดอร์-แมน เมฟิสโตจึงรับปากว่าจะลบเรื่องที่ทุกคนรู้ว่าปีเตอร์เป็นสไปเดอร์-แมนไปด้วย แมรี่ เจนจึงตกลง เมฟิสโตยังบอกว่าที่เขาต้องการลบล้างความรักของทั้งคู่เพราะเป็นรักที่ศักดิ์สิทธิ์ และศัตรูของเขา (พระเจ้า)จับตามอง จึงต้องทำลายมันเพื่อเอาชนะพระเจ้า 

แล้วเมฟิสโตก็คาดคั้นให้ปีเตอร์รับปากเพื่อจะได้ลงมือให้ได้  เมื่อปีเตอร์รับปาก เมฟิสโตจึงเผยว่าทั้งคู่ยังไม่รู้อีกอย่าง เขาจำเด็กหญิงคนนั้นได้ไหม? เด็กคนนั้นเป็นความจริงในอนาคต เธอก็คือลูกสาวของทั้งคู่ ที่จะไม่มีวันได้เกิดมาเพราะทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน ! ปีเตอร์โกรธจัด แต่เขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว  

 

 

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะสูญสลายไป แมรี่ เจน ขอให้เมฟิสโตทำให้ชีวิตของปีเตอร์มีความสุข โดยที่เธอมีข้อแลกเปลี่ยนที่เธอกระซิบบอกเมฟิสโต และเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เมฟิสโตยอมตกลง ก่อนที่ทุกสิ่งจะจบลง แมรี่เจนร่ำลาปีเตอร์ เธอบอกว่าทั้งสองเกิดมาคู่กัน เธอจะไม่มีวันลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งคู่จะต้องได้กลับมาคู่กันอีกครั้ง พลังที่นำทั้งคู่มาคู่กันนั้นยิ่งใหญ่ และต้องใช้พลังที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นถึงจะพรากทั้งคู่ออกจากกันได้ พลังของปีศาจทำไม่ได้แน่ และแมรี่เจนบอกลาปีเตอร์ว่า “Face It Tiger , You just hit the Jackpot” ประโยคแรกที่แมรี่ เจนพูดกับปีเตอร์ในคอมิค 

เหตุการณ์ตัดมาเป็นวันใหม่  ปีเตอร์ตื่นมาเย็นแล้ว ลงมาป้าเมย์ยังแข็งแรงปีเตอร์รีบไปปาร์ตี้รวมเพื่อนเก่า เขาไปเจอแฟลชและเราก็ได้รู้ว่าแมรี่ เจนมีตัวตนอยู่ และปีเตอร์ก็พยายามคั่วเธออยู่ แต่ตอนนี้ทั้งคู่ทะเลาะกัน งานนี้จัดขึ้นเพื่อต้อนรับการกลับมาของ แฮร์รี่ ออสบอร์นที่ไปบำบัดที่ยุโรป! ในงานนี้ยังมีการเปิดตัวตัวละครที่จะมีบทบาทต่อไปในเรื่องชุดสไปเดอร์-แมนชุดต่อไป เริ่มจาก Brand New Day 

 

 

หลังจากที่เรื่องชุดนี้ออกมามีเสียงสวดจากแฟนๆมากมายเพราะเท่ากับว่าเรื่องราวกว่า 30 ปีไม่มีจริงงานนี้มาร์เวลพลาดแล้ว  มันไปใหญ่เกินกว่าที่คนเขียนเรื่องคือ  JMS ตั้งใจไว้  ส่วนหนึ่งเป็นการผลักดันของโจ เควสสาดา ที่เคยออกปากหลายครั้งแล้วว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการที่ปีเตอร์ แต่งงานกับแมรี่ เจน(เพราะเขาเห็นว่ามันทำให้ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ดูแก่) งานนี้โจเลยลงมาล้วงลูกเอง ขนาดลงมือวาดเองอีกต่างหาก และเชื่อว่าเขาน่าจะเป็นคนเขียนเรื่องในช่วงหลังเองด้วย  และนี่กลายเป็นจุดด่างพร้อยใหญ่ในฐานะบรรณาธิการใหญ่คนสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมาร์เวลคอมิคส์  

มาถึงปัจจุบันเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างงานตอนนี้ก็มีข้อมูลมากขึ้น ขอเอามาเล่าต่อจากที่เดิมเขียนไว้เลยละกัน แรกเริ่มเดิมที JMS คนเขียนเรื่องที่ยอมตกลงทำตามใบสั่งของบก.ตามหน้าที่ของนักเขียนที่ดี (แม้ว่าตลอดช่วงที่เขาเขียนเรื่องชุดสไปเดอร์-แมนเขาพยายามพาแมรี่ เจนที่ตอนนั้นแยกกันอยู่กับปีเตอร์ ให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งน่าจะตีความได้ว่าเขาเองก็เห็นว่าปีเตอร์ควรจะมีชีวิตคู่กับแมรี่เจน) คิดจะรีเซ็ทเวลาให้ปีเตอร์ย้อนไปเป็นเด็กไฮสคูล เขาก็จะไม่ได้แต่งงาน และกลับเป็นเด็กตามที่บก.ต้องการ พร้อมยกทีมตัวละครดั้งเดิมกลับมายกชุดทั้งแฮร์รี่ ออสบอร์น และ เกวน สเตซี่ ซึ่งโจก็โอเค แต่โดนแย้งจากกองบก.สไปเดอร์-แมน ว่าทำอย่างนี้ตอนที่เกวน สเตซี่ตาย  (ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตอนสำคัญ)ในชีวิตสไปเดอร์-แมนก็จะหายไป คงจะโดนแฟนๆด่าเละแน่ ครั้นจะให้ทั้งคู่หย่ากันก็ไม่ได้ เพราะนั่นจะทำให้ปีเตอร์ดูแก่ยิ่งกว่าเดิม  หรือฆ่าแมรี่ เจนก็ไม่ได้ เพราะเธอก็มีแฟนคลับไม่น้อย และปีเตอร์ก็จะยิ่งดูแก่ เลยเลือกเอาทางนี้ ซึ่งผลก็ออกมาไม่ดีเอาเสียเลย ว่ากันว่าตอนแรก JMS คิดจะเอาชื่อออกจากตอน 3-4 ของเรื่องด้วยซ้ำ (นี่คือสาเหตุที่เชื่อกันว่า โจ เควสสาดาอาจจะมาล้วงลูกเขียนเรื่องเสียเอง) แต่โดนทัดทานจนยอมเปลี่ยนใจ แต่เขาคงไม่แฮปปี้กับเรื่องนี้เอามากๆเพราะหลังจากนี้เขาก็ไม่กลับมาร่วมงานกับมาร์เวลอีกเลย  

เรื่องชุดนี้ออกวางตลาดมาตั้งแต่ปี 2008 บางเรื่องเวลาก็อาจจะช่วยเยียวยาไปได้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สำหรับเรื่องนี้เพราะ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังมีคำถามและข้อท้วงติงจากแฟนหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นว่า เมฟิสโตแก้ไขอะไรไปบ้างและยังไงบ้าง หรือปีเตอร์จะไม่มีทางยอมทำสัญญากับปีศาจเพื่อแลกกับชีวิตป้าเมย์แน่ โจ เควสสาดาไปเจอแฟนการ์ตูนที่ไหนคำถามที่มักเจอก็เป็นแบบนี้ และเขาก็ทำได้แค่ยักไหล่และตอบว่ามันเป็นเรื่องของเวทมนตร์ 

 

 

หนักๆเข้าในปี 2010 มาร์เวลก็ออก จะเรียกอะไรดี ภาคต่อ ,คำอธิบาย แต่ที่แน่ๆคือมันเป็น Retcon ของ One More Day ออกมาในชื่อ One Moment in Time 

Retcon คืออะไร มันย่อมาจาก Retroactive Continuity แปลตรงตัวก็ “ย้อนความต่อเนื่อง” มันเป็นศัพท์เทคนิคที่ใช้ในวงการคอมิคอเมริกัน ที่เรื่องส่วนใหญ่ไม่จบแต่มีความต่อเนื่องยาวนาน มีคนเขียนใหม่ ไอเดียใหม่ เติมเข้ามาเพื่อให้เรื่องเดินต่อไป แน่นอนว่าไม่มีทางที่มันจะถูกต้องถูกใจไปได้ทุกครั้ง แต่ละเรื่องต่างก็ต้องมีจุดที่อยากลืม หรือแก้ไขเพื่อให้เรื่องไปต่อได้โดยไม่ติดขัด ถ้าแค่อยากลืมก็แค่ไม่พูดถึงมันก็เท่านั้น แต่ถ้าไม่แก้แล้วไปต่อไม่ได้นี่สิ ก็เลยต้องเขียนแก้ไข อันนี้แหละที่แฟนการ์ตูนฝรั่งเรียกกันว่า retcon ภาษาไทยผมว่า”ย้อนแก้”ก็น่าจะใกล้เคียงกับคำและความหมายของฝรั่ง 

กลับไปที่ One Moment in Time งานนี้เป็นผลงานการเขียนเรื่องของ โจ เควสสาดาเอง(ผูกไว้ก็ต้องแก้เอง) และได้ เปาโล ริเวียร่า มาวาดภาพให้ ออกวางตลาดเมื่อปี 2010 ตีพิมพ์ครั้งแรกใน Amazing Spider-Man ฉบับที่ 638-641 เรื่องชุดนี้เดินไปด้วยการผสมผสานเนื้อหาจาก One More Day แบบยกมาทั้งหน้า หรือตัดมาเป็นบางช่อง มีเปลี่ยนบทสนทนาบางช่วงก็มี ปนกับอาร์ทที่เขียนขึ้นใหม่ ทั้งในสไตล์ปัจจุบัน และสไตล์แบบสมัยที่สไปเดอร์-แมนแต่งงานกับแมรี่ เจนเพื่อช่วยระบุเวลาในเรื่องก็มี 

เรื่องเปิดขึ้นโดยการยก 4 หน้าสุดท้ายของ One More Day ที่เปิดเผยสิ่งที่แมรี่ เจนกระซิบกับเมฟิสโต ก็คือ ปีเตอร์จะไม่มีวันยอมแลกชีวิตแต่งงานของทั้งคู่กับชีวิตป้าเมย์ เว้นแต่เธอจะบอกให้เขายอมรับ และเมฟิสโตจะต้องไม่มายุ่งกับเขาอีก เมื่อทำการตกลงกันแล้ว และเมฟิสโตก็ยอมรับ  ก่อนจะตัดมาปัจจุบันที่แมรี่ เจนโผล่มาที่บ้านของปีเตอร์ (หลังจาก One More Day มาร์เวลก็พยายามจะแยกปีเตอร์กับแมรี่ เจน แต่ลงเอยด้วยความล้มเหลว ทั้งคู่ก็วนมาเจอกันจนได้) เธอมาคุยกับเขาเรื่องความสัมพันธ์ที่สรุปว่าทั้งคู่จะรักษาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกันต่อไป ก่อนที่ทั้งคู่จะนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่น่าจะเป็นวันแต่งงานของพวกเขา 

ในวันก่อนการแต่งงานสไปเดอร์-แมนหยุดอีเลคโตรและลูกน้องก่อนจะส่งมอบพวกเขาให้ตำรวจจับกุมต่อ  ระหว่างการจับกุมหนึ่งในลูกน้องของอีเลคโตรชื่อเอ็ดดี้ ก่อนที่จะมีนกพิราบสีแดงโผล่มาปลดล็อครถที่ขังเอ็ดดี้ (นกพิราบแดงตัวนั้นก็คือเมมฟิสโตนั่แหละ) ทำให้เขาสามารถหลบหนีการจับกุมไปได้  คืนนั้นเอ็ดดี้ก็ลอบไปเล่นงานตำรวจคนนั้นกับภรรยา  แต่เพราะเสียงปืนที่ตำรวจยิงทำให้สไปเดอร์-แมนที่อยู่แถวนั้นเข้ามาขัดขวาง ทำให้เอ็ดดี้ทำไม่สำเร็จ และต้องหลบหนี โดยมีสไปเดอร์-แมนไล่ตาม การไล่ล่าทำให้ทั้งคู่ตกลงมาจากตึก โดยสไปเดอร์-แมนเป็นฝ่ายรับแรงกระแทกไว้ จนหมดสติไป เอ็ดดี้ที่ปลอดภัยตัดสินใจไม่ทำร้ายสไปเดอร์-แมน เพราะเห็นว่าเพราะสไปเดอร์-แมนช่วยไว้เขาจึงรอดตาย 

เพราะหมดสติไปทำให้ในวันแต่งงานวันรุ่งขึ้น เขาไม่โผล่ไปในงานแต่งงาน นั่นทำให้ แมรี่ เจนผิดหวังและแม้ปีเตอร์พยายามจะแก้ตัวยังไงเธอก็ไม่รับ เธอบอกว่าเธอรู้ว่าปีเตอร์ไม่ได้มาแต่งกับเธอเพราะการสู้กับเหล่าร้าย เธอรับความรู้สึกที่ต้องกังวลกับชะตากรรมของปีเตอร์ไปตลอดไม่ได้  และถึงเธอจะฝันว่าจะมีลูกสาวกับปีเตอร์ก็ตาม เพราะงั้นเธอขอยกเลิกการแต่งงานกับปีเตอร์ ถ้าจะให้เธอแต่งปีเตอร์ต้องเลิกเป็นสไปเดอร์-แมนซึ่งแน่นอนว่าปีเตอร์ไม่ยอม และแม้ทั้งป้าแอนนาและป้าเมย์จะทักท้วงและพยายามให้เธอเปลี่ยนใจก็ตาม แต่แมรี่ เจนก็ไม่เปลี่ยนใจ 

ถึงตรงนี้คนอ่านคงรู้สึกเหมือนๆกันว่าสรุปตอนนี้เรื่องไม่ได้แต่งงาน และเรื่องทำสัญญากับปีศาจ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแมรี่ เจนคนเดียว  ปีเตอร์ไม่ได้ผิด จนรู้สึกว่าง่ายไปไหมนี่  อันนี้เป็นอีกสาเหตุที่แฟนๆก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร 

 

 

กลับเข้าเรื่องต่อ เรื่องตัดกลับมาที่เหตุการณ์หลัง Civil War เมื่อมือสังหารของคิงพินยิงโดนป้าเมย์ ถึงเธอจะอาการหนัก แต่ปีเตอร์ก็ปั๊มหัวใจจนป้าเมย์รอดมาได้อย่างปาฏิหารย์ นับจากจุดนี้แหละที่เนื้อหาถูก”ย้อนแก้” 

คิงพินไม่พอใจกับความล้มเหลว เขาส่งลูกน้องไปอีกครั้งให้ไปเล่นงานแอนนา วัตสัน ป้าของแมรี่ เจน แต่แมรี่ เจนอยู่ด้วยเธอจึงขัดขวางจนโดนยิงเสียเอง แต่ตอนนั้นปีเตอร์อยู่แถวนั้นด้วยจึงเล่นงานคนร้าย และพบว่าคนร้ายนั้นก็คือ เอ็ดดี้ นั่นเอง 

 

ปีเตอร์พาแมรี่ เจนไปให้ ดร. สเตรนจ์รักษา(เป็นทางเลือกที่แปลก) และขอให้ดร.สเตรนจ์ทำให้คนลืมว่าเขาคือสไปเดอร์-แมน(รู้แล้วนะครับว่าไอเดียในหนังเริ่มขึ้นที่ไหน) สเตรนจ์ยอมช่วยแต่เพื่อให้ได้ผลดีและได้ผลที่สุดเขาต้องขอความร่วมมือจากเพื่อนร่วมกลุ่ม Illuminati ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยตัวของปีเตอร์อย่าง โทนี่ สตาร์ค กับ รีด ริชาร์ด  

โทนี่เสนอให้ลบความทรงจำของทุกคนให้หมดว่าปีเตอร์คือ สไปเดอร์-แมน ทุกคนจริงๆแม้แต่เพื่อนฮีโร่ หรือญาติมิตรของปีเตอร์ด้วย (เรื่องนี้จะถูกเล่าต่อในภายหลังว่าเมื่อสไปเดอร์-แมนไปเจอคนที่เคยรู้จักตัวจริงของเขาเช่น แฟนตาสติค โฟร์ หรือ แบล็คแค็ท พวกนี้จะรู้สึกแปลกๆเหมือนลืมอะไรบางอย่างไป) สเตรนจ์เห็นด้วยและใช้วิธีร่ายเวทก่อนจะขยายพลังผ่านเซลเอ็กซตรีมมิสท์ของไออ้อนแมน แต่ระหว่างรายเวท ปีเตอร์โดดออกจากโล่กำบัง ดึงตัวแมรี่ เจนเข้ามาในโลกำบังเพื่อไม่ให้เธอลืมไปด้วยว่าเขาคือสไปเดอร์-แมน  เรื่องตัดมาเป็นเช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ตื่นขึ้นมาในห้อง ปีเตอร์อธิบายให้แมรี่ เจนฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอถามว่าทำไมปีเตอร์ก็บอกว่าเพราะเขาไม่อยากให้เธอลืม แต่แมรี่ เจน กลับตอบว่า ปีเตอร์ต้องก้าวต่อไป และหาคนอื่นเถอะ เพราะนี่ก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่จะมีใครอื่นล่วงรู้ตัวจริงของสไปเดอร์-แมนอีก และนั่นจะนำอันตรายมาสู่ครอบครัวของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้  ก่อนจะตัดไปเป็นปัจจุบันที่สไปดี้ยืนอยู่บนหลังคา และรำพึงว่า เพราะคนที่ดีที่สุดในชีวิตเขา ให้อิสระกับเขา เขาจึงพร้อมจะเผชิญกับทุกอย่างที่จะเข้ามาในวันใหม่ของชีวิต 

ถึงจะลงท้ายแบบนี้ แต่ชีวิตคู่ของปีเตอร์ ก็ยังคงวนเวียนกลับมาหาแมรี่ เจนอยู่เสมอ แม้จะดูท่าไม่มีทางได้แต่งงานกับแมรี่ เจนอีกครั้งได้ง่ายๆก็ตาม แต่แฟนๆส่วนใหญ่ก็ยังหวังว่าคู่รักคู่นี้จะได้มาครองคู่กันอีกครั้ง 

 

 

เรื่องทั้งสองชุด One More Day/One Moment in Time ไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีสักเท่าไรจากแฟนๆ หลายๆคนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการพยายามที่จะลากเรื่องไปตามความต้องการอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล และตัวละครก็ทำอะไรที่ไม่เข้ากับบุคลิกลักษณะของตัวละครเอาเสียเลย 

แต่อย่างไรก็ดีเรื่องชุดนี้ก็ถูกเขียนขึ้นมาแล้ว และตราบใดที่ไม่มีใคร ”ย้อนแก้” ให้มันหายไปหรือเปลี่ยนไป มันก็ยังอยู่ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นจุดตั้งต้นของหนังโรง No Way Home ล่ะนะ ส่วนในคอมิค มันก็ยังถูกอ้างถึง ล่าสุดใน Amazing Spider-Man (Vol.6 )# 74 (875) ที่เพิ่งออกวางตลาดเมื่อเดือนกันยา ก็ยังย้อนไปขยายความว่าที่เมฟิสโตทำลายชีวิตคู่ของปีเตอร์/แมรี่ เจนนั้นเป็นเพราะ มันเห็นว่าในอนาคตลูกสาวของปีเตอร์ จะเป็นผู้พิชิตมันลงได้ จึงต้องขัดขวางไม่ให้เธอเกิดมา 

เอาล่ะครับตอนนี้คุณๆคงทราบที่มาที่ดร.สเตรนจ์เป็นคนที่จะมาช่วยให้ตัวจริงของสไปเดอร์-แมนกลับมาเป็นความลับแล้ว ส่วนในหนังจะเข้าท่าหรือไม่ก็คงต้องไปรอดูกันเอาเองในโรงละกันนะครับ 

T-Rex


การชำระเงินผ่าน อินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง

(เสียค่าบริการ Vat 7%)

powerupmag

การชำระเงินผ่าน เคาน์เตอร์เซอร์วิส

(เสียค่าบริการ Vat 7%)

powerupmag

ช่องทางขนส่งสินค้า

จัดส่งสินค้าภายใน 3-7 วันทำการ

powerupmag
Copyright © 2018 All rights reserved. | powerupmag.com