Robot Taekwon V ตำนานการ์ตูนหุ่นยนต์เกาหลี
แม้ทุกวันนี้จะมีอนิเมเกาหลีออกมาเป็นทางเลือกให้ได้ชมกันมากมาย หลายเรื่องก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้อนิเมประเทศอื่น แต่ถ้าถามว่าอนิเมหุ่นยนต์เกาหลีที่ดังสุดๆ ในช่วงยุค 70s จนถึงปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าหนึ่งในชื่อที่คนเกาหลีพูดถึงเป็นลำดับต้นๆ จะต้องเป็น Robot Taekwon V แน่นอนครับ เพราะนอกจากอนิเมเรื่องนี้จะถูกสร้างเป็นหนังโรงถึง 8 ภาคแล้ว ยังถูกนำไปฉายทีอเมริกา แถมยังมีสินค้าออกมาขายมากมายด้วยครับไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูน ไปจนถึงของเล่น (หลายๆ ตัวทำออกมาสวยด้วย) แต่แน่นอนครับว่า ความโด่งดังของ Taekwon V นั้น ก็มักจะถูกตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้งว่าได้แรงบันดาลใจมาจากใครหรือเปล่า วันนี้ก็เลยอยากจะขอแนะนำอนิเมเรื่องนี้ให้รู้จักกันครับ เพราะในอีกหลายแง่มุมแล้ว ผมว่าอนิเมเรื่องนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ
ซูเปอร์โรบอตชาตินิยม
Robot Taekwon V เป็นอนิเมหนังโรงปี 1976 พล็อตเรื่องก็เข้าใจง่ายๆ สไตล์การ์ตูนหุ่นยนต์ยักษ์ยุค 70s เมื่อ ดร.คาฟ (หรือ ดร.คอปส์ ตามต้นฉบับเกาหลีดั้งเดิม) นักวิทยาศาสตร์ผู้ชั่วร้ายต้องการครอบครองโลกด้วยการสร้างกองทัพหุ่นยนต์ยักษ์ขึ้นมาและได้ทำการลักพาตัวเหล่านักกีฬาที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกไป ดร.คิม นักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลี จึงได้สร้างหุ่นยนต์ Taekwon V ออกมาต่อกรกับหุ่นยนต์ของ ดร.คอปส์ และมอบหมายให้ลูกชายคนโตที่ชื่อว่า คิมฮุน ซึ่งเป็นแชมป์กีฬาเทควันโด้ของประเทศ เป็นผู้บังคับหุ่นโดยให้ Taekwon V ใช้ศิลปะการต่อสู้สไตล์เทควันโด้เข้าต่อสู้กับหุ่นของ ดร.คอปส์ ตามสูตรธรรมะชนะอธรรม ซึ่งพล็อตเรื่องเข้าใจง่ายแต่เทแบบนี้ถูกใจเด็ก ๆ ชาวเกาหลีในยุคนั้นจนกลายเป็นกระแสให้มีการสร้างภาคต่อตามมาอีกหลายภาค
อิทธิพลจากมาชินก้าแซด?
ตอนที่เห็น Taekwon V หลายๆ คนก็คงคิดเหมือนกันแหละว่า หุ่นตัวนี้ลอกมาชินก้าแซดมารึเปล่า ซึ่งถ้าพูดกันตามตรง ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ดีไซน์หุ่นนั้นได้รับอิทธิพลจากมาชินก้าแซดมาค่อนข้างมาก เพราะต้องย้อนไปดูด้วยว่า สภาพสังคมในตอนนั้น เกาหลีเองก็ยังคงมีกระแสต่อต้านญี่ปุ่นอยู่มาก เพราะก่อนนั้นแค่ไม่กี่สิบปี เกาหลียังโดนญี่ปุ่นยึดครองจนกระทั่งได้รับอิสระภายหลังจากญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 (ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีข่าวการเรียกร้องค่าเสียหายจากทางญี่ปุ่นอยู่เรื่อยๆ) แต่ถึงอย่างนั้น การ์ตูนญี่ปุ่นโดยเฉพาะการ์ตูนแนวหุ่นยักษ์อย่างมาชินก้าก็ยังคงถูกนำเข้ามาในประเทศและได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลี โดยเฉพาะในหมู่เด็กๆรุ่นใหม่ คิมชองกิ ผู้กำกับการ์ตูนเรื่อง Taekwon V จึงคิดสร้างการ์ตูนหุ่นยนต์ยักษ์ของเกาหลีขึ้นมาเอง เพื่อไม่ให้เด็กเกาหลีเสพติดความเป็นญี่ปุ่นมากเกินไป โดยใส่ความเป็นเกาหลีเข้าไปให้หุ่นยนต์ยักษ์ใช้วิชาเทควันโด้สู้กับศัตรู จนได้รับผลตอบรับที่ดีและมีภาคต่อตามมาอีกหลายภาค แถมยังถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปขายที่อเมริกาในชื่อ Voltar the Invincible ด้วย
สเปคที่แตกต่าง Size Does Matter
แม้ Taekwon V จะมีส่วนคล้ายมาชินก้าแซดอยู่มาก แต่จุดหนึ่งที่ผู้กำกับคิมชองกิบอกว่ามันแตกต่างกัน นอกจากเรื่องศิลปะการต่อสู้แบบเทควันโด้แล้ว ก็ยังมีขนาดตัวหุ่นที่ใหญ่กว่ามาชินก้ามาก โดยข้อมูลดั้งเดิมกล่าวว่า Taekwon V สูงถึง 56 เมตร 1400 ตัน มีพลังมากถึง 8.95 ล้านกิโลวัตต์ ทว่าในบทความที่เขียนถึงเรื่องนี้เมื่อปี 1999 ได้กล่าวว่า. Taekwon V สูงประมาณ 39 ถึง 42 เมตร และหนัก 3,500 ตัน (สูงกว่ามาชินก้าประมาณ 2 เท่า แต่หนักมากกว่าร่วมร้อยเท่า) และมีพลังมากกว่า 31,700 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
ภาคหลังๆ ไม่เหมือนมาชินก้าแล้วนะ
อย่างที่บอกว่า Taekwon V นั้นสร้างมาหลายภาคครับ ซึ่งในภาคหลังๆ นั้น ดีไซน์จะไม่เหมือนกับมาชินก้าแล้ว โดยในบางเวอร์ชั่นก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากแกรนไดเซอร์เข้าไปผสมด้วย จนกระทั่งมาถึงภาค 6 ที่ใช้ชื่อว่า Super Taekwon V (สร้างปี 1982) นั้นตัวดีไซน์จะเปลี่ยนแบบพลิกโฉม สีหุ่นเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ตัวหุ่นดูเป็นเหลี่ยมมากขึ้นจนดูคล้ายกับซาบุนเกิล (การ์ตูนหุ่นยนต์ค่ายซันไรส์ญี่ปุ่น ปี 1982) ที่มีหัวเป็น Taekwon V แต่สามารถแปลงร่างได้ด้วย (ในบางมุม ร่างยานก็ดูคล้ายไดตัน 3 เหมือนกัน) ทว่ากองทัพศัตรู ดันดูคล้ายกับโมบิลสุทของซิออนในเรื่องกันดั้มเฉยเลยครับ แต่โทนเรื่องนั้นก็ยังคงเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับเด็กเช่นเคย
อิทธิพลของการ์ตูนหุ่นยนต์ญี่ปุ่น ในการ์ตูนเกาหลีเรื่องอื่นๆ
แม้เราอาจจะพูดได้ว่า Taekwon V นั้นได้รับอิทธพลมาจากมาชินก้ามาค่อนข้างมาก แต่ก็พัฒนาจนมีเอกลักษณ์ของตนเองที่โดดเด่น และกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการอนิเมหุ่นยนต์ของเกาหลี แต่ก็ยังมีอนิเมเกาหลีเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่ได้รับอิทธิพลจากอนิเมญี่ปุ่นอยู่พอสมควร ที่ชัดเจนมากก็คือเรื่อง Space Gundam V ในปี 1983 ซึ่งนี่ก็เป็นผลงานกำกับอีกเรื่องของผู้กำกับ คิมชองกิ เช่นกัน แต่เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่า มันคือยำใหญ่ที่เอาตัวละครจากเรื่องไรดินกับหุ่นวาลคิรี่จากมาครอสมายำรวมเป็นเรื่องเดียวกันแต่กลับเรียกมันว่ากันดั้มแบบงงๆ (แถมยังมีทำของเล่นออกมาขายอีกต่างหาก ซึ่งตัวหุ่นก็ลอกมาจากค่ายทาคาโตกุของญี่ปุ่นน่ะแหละ) และที่กลายเป็นตลกร้ายก็คือ การ์ตูนเรื่องนี้ทำให้บันไดมีปัญหาในการจดลิขสิทธิ์ชื่อกันดั้มในเกาหลีเพราะเรื่องนี้ดันเอาใช้ไปก่อนแล้ว แต่ประเด็นนี้รายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก เอาไว้มีโอกาส จะพูดถึงประเด็นนี้แบบละเอียดๆ อีกทีละกัน (ถ้ามีคนสนใจจะอ่านนะ)