จะเล่าถึงอะนิเมชั่น He-Man ก็ต้องเล่าถึงของเล่นที่ทำให้เกิดอะนิเมชั่นชุดนี้ขึ้นมา เรื่องมันเริ่มในช่วงปลายยุค 70 ถึงต้น 80 Mattel บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ ไม่ตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ของเล่นของหนังเล็กๆ เรื่องหนึ่งชื่อ Star Wars ทำให้สิทธิ์นี้ไปตกอยู่กับบริษัท Kenner ที่สำคัญผู้บริหารเคนเนอร์เป็นลูกหม้อเก่าของแมทเทล แถมของเล่นยังขายดีอีก ทำให้กลายเป็นแผลใจที่ผู้บริหารแมทเทลต้องก้าวข้ามให้ได้ ลองซื้อสิทธิ์ของเล่นจากหนังเรื่องอื่นก็ขายไม่ดีเท่าสตาร์วอร์ส ในที่สุดก็เลยตัดสินใจออกของเล่นเองดีกว่า แต่กว่าจะได้มาเป็นแอคชั่นฟิกเกอร์หนุ่มหุ่นล่ำ ไซส์ 5.5 นิ้ว ที่เรียกว่าใหญ่กว่าสตาร์วอร์สที่ฮิทๆ กันทุกประการก็เป็นเรื่องยืดยาว แล้วในที่สุดก็ได้ออกมาเป็น He-Man and the Masters of the Universe
แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นตอนเสนอขายให้ร้านค้า กับคำถามที่ว่า “จะทำยังไงให้คนรู้จักของเล่นไลน์นี้” เริ่มต้นแมทเทลก็บอกว่าจะมี “มินิคอมิค” ใส่มาในแผง แต่เมื่อโดนท้วงว่ากลุ่มเป้าหมายของของเล่นเป็นเด็ก 5 ขวบที่ยังอ่านหนังสือไม่ออกนะ แมทเทลเลยตอบไปว่าจะมีหนังการ์ตูนมาช่วยโปรโมท (ทั้งที่จริงๆ ตอนนั้นยังไม่มีเลย) ก็เลยต้องไปจ้างบริษัทอย่าง Filmation มาผลิตให้
Filmation เป็นมือเก่า ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุค 60 ผลิตทั้งอะนิเมชั่นและหนังคนแสดง ถ้าเป็นแนวไลเซนส์ก็มีทั้งอะนิเมชั่นของตัวละครจาก DC อย่างซูเปอร์แมน แบทแมน อะควอแมน (ที่เป็นตอนสั้นๆ เมื่อก่อนชอบฉายตอนจบข่าว 2 ทุ่มให้เด็กดูก่อนไล่ไปนอน) กับการ์ตูนจาก Archie Comics หรือแม้กระทั่ง Star Trek ที่นี่ยังเป็นที่สร้างหนังคนแสดงอย่าง Shazam และ Isis อีกด้วย หนึ่งในผลงานการ์ตูนของที่นี่ก็คือ Blackstar ที่มีแนวใกล้เคียงกับ He-Man เอามากๆ เริ่มแรกแมทเทลแค่อยากทำเป็นตอนพิเศษความยาว 2 ชั่วโมง แต่ฟิลม์เมชั่นเสนอว่า งบเท่านี้พวกเขาทำมันออกมาเป็นซีรี่ส์ได้เลย หัวเรือใหญ่ของที่นี่ชื่อ ลู ชีมเมอร์ (Lou Scheimer) ที่เมื่อตอนที่ซีรี่ส์การ์ตูนฮี-แมนสร้างเสร็จ เขาได้เรียกทีมงานแมทเทลไปดูและออกปากว่าซีรี่ส์นี้ต้องฮิทแน่ๆ
ลูคาดไม่ผิดครับ ฮี-แมนฮิทจริง ซีรี่ส์เปิดตัวเมื่อ 26 กันยายน 1983 แล้วก็กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ฮิทอย่างยิ่ง ช่วยเพิ่มยอดขายให้ของเล่นที่ออกขายตั้งแต่ปี 1982 ได้อย่างมาก จนทำให้ของเล่นที่ออกตามมาต่างก็ต้องมีซีรี่ส์หนังการ์ตูนเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายกันถ้วนหน้า ช่วงที่พีคสุด ของเล่นฮี-แมนทำยอดขายได้ถึง 400 ล้านดอลลาร์ในปี 1986 ส่วนซีรี่ส์ฮี-แมนก็สร้างออกมาสองปี รวมจำนวน 130 ตอน
เนื้อหาของการ์ตูนก็แตกต่างจากในมินิคอมิคที่แถมมาในแพ็ค ในคอมิค ฮี-แมนเป็นนักรบจากเผ่านักรบ ออกเดินทางมาสู้กับ สเกเลธอร์(วายร้ายหัวกะโหลก หัวหน้าเหล่าวายร้ายของเรื่อง) ที่หมายจะแย่งชิงดาบพลังเพื่อใช้ไขความลับของปราสาทเกรย์สคัลล์ ส่วนในหนังการ์ตูน ฮี-แมน คือ เจ้าชายอดัม ที่เมื่อใดจับดาบวิเศษแลัวพูดว่า “ด้วยอำนาจแห่งเกรย์สคัลล์” เขาก็จะกลายเป็น ฮี-แมน พร้อมกับร้องว่า “ฉันมีพลัง” (ตามช่อง 3 เป๊ะ) เพื่อปกป้องพลังอำนาจของปราสาทเกรย์สคัลล์จากสเกเลธอร์ที่หวังจะครอบครองสิ่งนี้ พร้อมด้วยทัพของสมุนมากมาย แต่ฮี-แมนก็มีผู้ช่วยไม่น้อยกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็น แมน-แอท-อาร์ม ธีล่า แรม-แมน ออร์โก้(เพราะทั้งสองฝ่ายคือสินค้าที่แมทเทลทำมาขาย) โดยสรุป หนังการ์ตูนนั้นใส เรียบง่าย และมีอารมณ์ขันกว่าคอมิคเยอะ แถมตอนท้ายของทุกตอนยังมีบทเรียนสอนใจ เพื่อไม่ให้ดูเป็นหนังการ์ตูนขายของเล่นจนเกินไป
และเมื่อฮี-แมนฮิท ก็มีการแตกไลน์เป็น She-Ra Princess of Power ซึ่งฟิลม์เมชั่นก็ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่วางแผนจะผลิต โดยทำการ์ตูนซีรี่ส์ออกมาฉายด้วยเช่นกัน โดยเริ่มฉายเมื่อ 9 กันยายน 1985 จำนวน 2 ซีซั่น รวม 93 ตอน เป็นเรื่องราวของ เจ้าหญิงอะดอร่า น้องสาวฝาแฝดของเจ้าชายอดัมที่ต่อสู้ร่วมกับพวกพ้องเพื่อปลดปล่อยดาวอีเธอเรียจากวายร้าย ฮอร์ดาค โดยชี-ราเปิดตัวในหนังโรงตอนพิเศษ He-Man and She-Ra: the Secret of the Sword ที่ออกฉายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 1985 แล้วตามมาด้วย He-Man and She-Ra Christmas Special ในปีเดียวกัน ซีรี่ส์ทั้งสองจบชุดไล่เลี่ยกับความตกต่ำของของเล่นชุดนี้ แต่นั่นไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ยินชื่อ ฮี-แมน และ ชี-รา